Friday 8 April 2011

Collagen คอลลาเจน คือ

คอลลาเจน

คอลลาเจนจากธรรมชาติ มีสรรพคุณในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ที่เสื่อมลงไปตามกาลเวลา ให้กลับมาแข็งแรงและสดใสอีกครั้ง คงความหนุ่มสาวไว้ในคุณเสมอ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและผิวพรรณ กระชับผิวพรรณให้เต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่นตามร่างกาย เสริมสร้างกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัยต่อร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายตามส่วนต่างๆ ให้กลับมาแข็งแรง เต่งตึง สดใส อีกครั้ง

คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นหนังแท้ โปรตีนแห่งความงามที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนสำคัญของผิวหนัง เพราะเป็นส่วนสปริงของผิวหนัง ในการสร้างความตึงให้กับผิวหนังชั้นหนังแท้ หากอยากลองสัมผัสความตึงของคอลลาเจนโปรตีน ลองจับแก้มเด็กตัวเล็ก ๆ ดู จะสัมผัสได้ทันที ถึงความใส ตึง ที่ผิวแก้ม หรือ ดูเด็กวัยรุ่นที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มสาว จะเห็นว่าผิวพรรณตึงเปรี๊ยะทีเดียว ปัจจุบันนี้จะมีการพูดถึง คอลลาเจน กันอย่างกว้างขวางในวงการเครื่องสำอาง และ ความงาม เป็นภาษากรีก

คอลลาเจน เป็นภาษากรีก แปลว่า กาว ทำหน้าที่เป็นกาวเชื่อมเซลล์แต่ล่ะเซลล์เข้าด้วยกัน คอลลาเจนโปรตีนมีปริมาณมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนในร่างกาย คอลลาเจนใต้ผิวหนังของเรา จะอยู่ในผิวหนังชั้นหนังแท้ คอลลาเจนทำหน้าที่เสริมความเรียบตึงของผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรง และเรียบเนียน และอยู่คู่กับโปรตีนที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งคือ “อิลาสติน” ในขณะที่คอลลาเจนมีหน้าที่เสมือนโครงสร้างของผิว และทำให้ผิวเต่งตึง อิลาสตินจะมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว และทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย

น่าเสียดายที่ภายหลังอายุ 20 ปี คอลลาเจนโปรตีนจะเสื่อมสภาพลง ทำให้ชั้นผิวหนังมีการยุบตัวลง ต้นเหตุของความเหี่ยวย่น ริ้วรอย และความชราของผิวพรรณ ริ้วรอยแรกจะเป็นรอยตีนกา เพราะผิวหนังรอบดวงตา มีความบอบบางมาก อีกทั้งกล้ามเนื้อรอบดวงตาก็เป็นกล้ามเนื้อวงกลม ไม่มีอะไรยึด ผิวรอบดวงตาก็เลยจะเหี่ยวง่ายกว่าที่อื่น การรับประทานคอลลาเจนโปรตีน จะช่วยชะลอความเหี่ยวตรงนี้ และลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นแล้วได้ คอลลาเจนมีคุณสมบัติ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับไม่หย่อนยาน ผิวหนังไม่เหี่ยวย่น อีกทั้งยังบำรุงเล็บ และเส้นผมให้มีสุขภาพดีอีกด้วย

การเสริมสร้างคอลลาเจนด้วยการรับประทาน

มีการนำสารสกัดโปรตีนจากปลาทะเลบางประเภท ซึ่งมีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับโครงสร้างของคอลลาเจนของผิวคน โดยวิธีการ (Enzymatic Hydrolysis) ,มาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แล้วพบว่าภายหลังการรับประทานไประยะหนึ่ง จะสามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ จางหาย การนำสารสกัดโปรตีนคอลลาเจน เข้าสู่ร่างกายเพื่อผลในการบำรุงผิว และลดริ้วรอยนั้น ปกติทำได้ 2 วิธีคือ โดยการรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือ โดนการฉีดเข้าใต้ผิวหนังชั้นหนังแท้ วิธีการรับประทานจึงเป็นวิธีการที่สะดวกกว่า ผลที่ได้รับจากการบริโภคคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังอย่างได้ผล และทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น นุ่มเนียนขึ้น

คอลลาเจนโปรตีน เป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่มาก ดังนั้นคอลลาเจนไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ด้วยการทา ส่วนครีมต่าง ๆ ที่มีขายตามท้องตลาด ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ก็จะเป็นการผลักคอลลาเจนให้อยู่ได้แค่ชั้นหนังกำพร้า แต่เนื่องจากคอลลาเจนมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ประมาณ 30 เท่าของน้ำหนักตัวมัน ทำให้ผิวหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้น แต่ไม่สามรถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างแท้จริง เพราะการเสริมสร้างคอลลาเจน จะต้องเข้าสู่ด้วยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง และการรับประทานเท่านั้น

การใช้คอลลาเจน

ระยะเวลาเห็นผล 30 – 60 วัน
ริ้วรอยตื้นขึ้น 50%
ผิวที่หย่อนยานกระชับขึ้น 60%
ผิวชุ่มชื้นมากขึ้น 45%
ผม และ เล็บ แข็งแรง และ หนาขึ้น


ข้อมูลที่ 2

 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

คอลลาเจน คือ โปรตีนซึ่ง เป็นส่วนประกอบหลักๆของชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน โดยโปรตีนชนิดนี้มีส่วนประกอบถึง 25% ถึง 35% ของจำนวนหน่วยโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย โดยมีมากที่สุดที่ผิวหนัง และ ประมาณ 1% ถึง 2% ที่ปะปนอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ การผลิตเจลลาตินในอาหารได้จากกรรมวิธี การย่อยหน่วยคอลลาเจนที่เรียกว่า Hydrolysis

หน้าที่ของคอลลาเจน

คอลลาเจน คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นสายยาว ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่วๆไปเช่นแดียวกับเอนไซม์ สายเส้นใยของคอลลาเจนถูกเรียกว่า คอลลาเจน ไฟเบอร์ (Collagen Fiber) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันกันมากมาย โดยปกติทั่วไปผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มากจึงมีแรงสปริงตัวและ ยืดหยุ่นได้ดีตามไปด้วย คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกายเอง ก็มีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ได้แก่ ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน (cartilage), เส้นเอ็น (ligaments), ข้อต่อ (tendons),กระดูก (bone) สารคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เคราติน Keratin

เคราติน Keratin, เคราตินมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เมื่อสารเคราตินในชั้นผิวลดลง จึงเกิดริ้วรอยแห่งวัยขึ้นบนชั้นผิว, นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตาด้วย

Hydrolyzed Collagen เองยังถูกใช้งานในแง่ของการลดน้ำหนักได้ด้วย เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของโปรตีนจึงมีข้อดีในการช่วยเผาผลาญพลังงานลดไขมัน ส่วนเกิน

บทบาทคอลลาเจนในวงการอุตสาหกรรม

เมื่อ นำคอลลาเจนมาผ่านกระบวนการ Hydrolyzed สารคอลลาเจนจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของคอลลาเจนเปปไทด์แบบ Polyproline II (PPII) หรือลักษณะของเจลาตินที่นำมาเป็นส่วนผสมของอาหารนั่นเอง นอกจากการใช้เป้นอาหารแล้ว คอลลาเจนยังใช้เป็นส่วนประกอบของยา เครื่องสำอางค์ และฟีล์มถ่ายภาพเมื่อพิจารณาในแง่ของอุตสาหกรรมอาหารแล้ว สารคอลลาเจนไม่ได้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีการประชาสัมพันธ์เชิงการค้าว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคอลลาเจนต่างแสดง คุณสมบัติของสินค้าว่าสามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยและมีผลดีต่อ สุขภาพ ซึ่งยังไม่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ออกมาสนับสนุนการโฆษณาในลักษณะนี้

คำ ว่าคอลลาเจน (Collagen) มีรากศัท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า “Kolla” ที่แปลว่า กาว โดยเมื่อก่อนได้มีการทำกาวโดยการนำหนังและเอ็นม้ามาเคี่ยวจนกลายเป็นกาว ตามหลักฐานที่พบมีการใช้งานกาวลักษณะนี้มากว่า 8000 ปีแล้ว โดยใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเชือกและตระกร้าสานเพื่อให้มีความแข็งแรง และมีการใช้งานภายในครัวเรือนทั่วไป กาวชนิดนี้เมื่อแห้งแล้วสามารถทำให้อ่อนนิ่มได้อีกโดยการให้ความร้อน เพราะกาวจากสิ่งมีชีวิตเป็น Thermoplastic ชนิดหนึ่งจึงมีการใช้งานได้หลากหลายโดยเฉพาะการผลิกเครื่องดนตรีเช่น ไวโอลีน กีตาร์ แม้กระทั่งเมื่อมนุษย์สามารถผลิตพลาสติกสังเคราะห์ได้แล้ว แต่ก็ยังมีการใช้งานกาวเจลาตินอยู่ทั่วไป

บทบาทคอลลาเจนในวงการแพทย์

คอลลาเจนมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในวงการศัลยกรรมความงาม ศัลยกรรมกระดูก การจัดฟัน และวงการศัลยกรรมทั่วไป เป็นส่วนประกอบของผิวหนังสังเคราะห์ที่ใช้ในผู้ป่วยที่สูญเสียผิวหนังเนื่อง จากอุบัติเหตุไฟไหม้ ซึ่งใช้คอลลาเจนสังเคระห์จากผิวหนังของลูกวัว (Bovine), หรือจากหมู (Equine, Porcine) บางครั้งจะใช้ผิวหนังจากผู้บริจาค หรือใส้ซิลิโคนสังเคราะห์แทน
คอลลาเจนได้มีการจำหน่ายในลักษณะของ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนช่วยเคลื่อนไหว เนื่องจากคอลลาเจนเมื่อรับประทานเข้าไปจะย่อยสลายเป็นโปรตีนและกรดอะมิโนใน ที่สุด จึงช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดนวิธีรับประทานได้น้อยมาก ดังนั้น วงการแพทย์ในปัจจุบันจึงมีการใช้คอลลาเจนในแง่ของศัลยกรรมความงามมากที่สุด

วิธีที่จะเพิ่ม คอลลาเจนนั้น ทำได้หลายวิธี
  1. การฉีดคอลลาเจนโดยตรง จากแพทย์
  2. รับประทานอาหารที่ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี, วิตามินอี

    ข้อมูลที่ 3

    Collagen cream

    คุณสมบัติของคอลลาเจนโดยทั่วไป คือ

    * สามารถทำให้ริ้วรอยและรอยแผลหลุมตื้นขึ้นได้ 60%
    * ผิวมีความยืดหยุ่นและ แน่นกระชับขึ้น 70%
    * ผิวเรียบเนียนขึ้นถึง 50%
    * เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวถึง 80%

    คอลลาเจน เป็นโปรตีนหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เป็นส่วนประกอบ 80%ของผิวหนัง มีอยู่ในเซลล์ทุก ๆ เซลล์ทั้งภายในและภายนอก

    ซึ่งคอลลาเจ่นทำหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่เซลล์ และเป็นสารประกอบหลักของ กระดูกอ่อน เส้นเอ็น เยื่อบุต่าง ๆ กระดูก ฟันและผิวหนัง

    โดยหน้าที่หลักของคอลลาเจน คือ

    ทำให้ผิวหนังแข็งแรง มีความยืดหยุ่นดี
    เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเส้นเลือดซึ่งหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะผิว ทำให้ผิวสวยใส
    เป็นส่วนประกอบและเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบที่เป็นผลึกในดวงตา เช่น เลนต์ตา จะช่วยทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ช่วยเสริมสร้างให้เล็บแข็งแรง และสุขภาพเล็บดีขึ้น ไม่ฉีกขาดง่าย

    ประโยชน์ของคอลลาเจ่นที่มีต่อผิวพรรณและการรูปแบบการใช้

    1. การใช้คอลลาเจน แบบทา ข้อดีคือ สามารถสัมผัสโดยตรงกับผิวในส่วนที่ทา แต่สำหรับคอลลาเจนที่มีโมเลกุลใหญ่ จะซึมสู่ผิวได้ยาก ทำให้ปริมาณที่ซึมสู่ผิวมีปริมาณจำกัด

    * หากเป็นคอลลาเจ่นแบบทาที่สกัดจากเทคโนโลยีนาโน ซึ่งมีโมเลกุลเล็ก ทำให้สามารถซึบซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าค่ะ

    2. การใช้คอลลลาเจน แบบฉีด เพื่อเติมบางส่วนของผิวให้เต็ม เป็นวิธีที่ตรงและเร็ว แต่จะทำให้เจ็บและมีราคาแพง วิธีนี้สารที่เข้าไปจะอยู่ชั่วคราว ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซึมไปใช้


    3. การใช้คอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม รับประทานเพื่อเป็นวัตถุดิบให้ร่างกายนำไปสังเคราะห์สำหรับใช้ในส่วนที่ขาดไป ซึ่งคอลลาเจนที่สร้างใหม่จะเข้าไปปรับปรุงผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น และยังปรับปรุงในทุก ๆ ส่วนรวมถึงเล็บ กระดูก เส้นเอ็น และข้อต่าง ๆ

    ทำไมร่างกายถึงต้องการคอลลาเจนเสริม?

    เพราะเมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ไม่เพียงพอ ต่อความต้องการเหมือนวัยสาว ทำให้ร่างกายค่อย ๆ สูญเสียคอลลาเจนที่สะสมอยู่ นักวิจัยพบว่า แสงแดด อายุ ความเครียด และมลพิษ มีผลทำให้คอลลาเจนอ่อนแอและสลายตัวได้ง่าย การสูญเสียคอลลาเจนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย และฝ้า ซึ่งทำให้ดูแก่กว่าวัย

    ข้อมูลที่ 4

              Q : คอลลาเจนคืออะไร?

              A : คอลลาเจน หรือ Collagen ที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก (มีความหมายว่า กาว คนในยุคนั้นนำเอาผิวหนังสัตว์ไปเคี่ยวเพื่อให้ได้กาวเหนียว ๆ มาใช้งาน) จริง ๆ แล้วคอลลาเจนคือ โปรตีนธรรมชาติในร่างกาย ในคอลลาเจนมีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ Proteoglycan และ Glycosaminoglycans  ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักของผิว เส้นผม เล็บ กระดูก ข้อต่อ ตลอดจนผนังหลอดเลือด บางคนเรียกมันว่า กาวแห่งชีวิต เพราะคอลลาเจนทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ในร่างกายเข้าด้วยกัน ปกป้องอวัยวะภายในร่างกายและเชื่อมอวัยวะต่าง ๆ ให้อยู่ด้วยกัน ในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) จะประกอบด้วยคอลลาเจนจนถึง 75%

              Q : คอลลาเจนเกี่ยวอะไรกับผิวสวย?

              A : ภายในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่ประกอบด้วยคอลลาเจนถึง 75% ความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนจึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น นุ่มนวล มีความยืดหยุ่นดีทำให้ผิวเต่งตึงกระชับ ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผิวเยาว์วัย ที่ไม่เหี่ยวย่น ไม่มีริ้วรอยและตีนกาเป็นผิวที่เราทุกคนเป็นเจ้าของในช่วงวัยเด็กและวัยสาวก่อนอายุจะย่าง 30 ทั้งนี้เพราะภายในชั้นผิวของเรามีความอุดมสมบูรณ์ของคอลลาเจนสูง

              Q : จริงหรือที่ว่าเมื่อ อายุย่าง 30 คอลลาเจน จะลดลงปีละ 15%?

              A : ในช่วงวัยเด็ก  และวัยสาวรุ่น ร่างกายจะสังเคราะห์คอลลาเจนอย่างเต็มที่สมบูรณ์ จนเมื่ออายุย่างเข้า 30 อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละ 1.5% ในทุก ๆ ปี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังโชคร้ายที่จะเกิดขึ้นชัดเจนในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เขาถึงบอกว่า ผู้หญิงแก่ง่ายกว่าผู้ชาย อัตราการลดลงอย่างต่อเนื่องของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้จะมีผลให้ผิวพรรณค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื่น นุ่มเนียน และความยืดหยุ่น ผิวที่เคยสวย เต่งตึง นุ่มนวล ค่อย ๆ แห้งกร้าน ผิวจะยุบตัวลงทุกปีทุกปี ทำให้เกิดริ้วรอยเหยี่ยวย่นและตีนกา และกว่าคุณจะอายุ 45 ปี ระดับคอลลาเจนในชั้นผิวได้ลดลงไปแล้วกว่า 30%

              Q : มีวิธีหยุดการลดลงของคอลลาเจนไหม?
              A : อัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนที่ลดลงปีละ 1.5% ทุกปี ตั้งแต่เราอายุย่างเข้า 30 นั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน โดยที่เราไม่สามารถหยุดยั้งได้ แต่เราสามารถช่วยชะลอความเสื่อมของ ผิวพรรณ และรักษาผิวไว้ให้ดูดีให้นานที่สุดได้ โดยการวิจัยด้านโภชนาการได้ค้นพบว่า  การรับประทานคอลลาเจนที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก เป็นอาหารเสริมประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยเสริมเติมคอลลาเจนที่พร่องลงตามวัยที่เพิ่มขึ้นคืนกลับให้กับร่างกาย สามารถช่วยป้องกัน และชะลอริ้วรอยเหยี่ยวย่น รอยตีนกา ความแห้ง กระด้าง ช่วยรักษาผิวพรรณให้มีความชุ่มชื้น นุ่มนวลเรียบเนียน คงความยืดหยุ่นของผิวไว้ ถ้าให้ดียิ่งขึ้นควรรับประทานวิตามินอีด้วย เพื่อช่วยเพิ่ม (Dermis) ซึ่งการทาที่ผิวหน้า  และผิวตัวจะซึมเข้าสู่ผิวได้แค่เพียงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น

              Q : ถ้าทาคอลลาเจนที่ผิวจะได้ผลไหม?

              A : ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างใหญ่มาก ไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้ ดังนั้นการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนทาที่ผิว คอลลาเจนจะซึมผ่านเข้าไปได้แค่ผิวชั้นหนังกำพร้าที่อยู่ชั้นนอกสุด อาจทำให้ผิวหนังกำพร้าชุ่มชื้นขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการลดลงของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้ วิธีเพิ่มคอลลาเจนคืนกลับให้ผิวที่ได้ผลคือ การฉีดเข้าใต้ผิวหนังและการรับประทานเท่านั้น แต่การรับประทานจะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่า และนำคอลลาเจนเข้าไปเสริมสร้างผิวพรรณทั้งใบหน้าและทั่วทั้งร่าง อีกทั้งเข้าไปเสริมสร้างเส้นผมให้เงางาม เล็บมือ เล็บเท้าไม่เปราะ หักง่าย เพราะคอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของผมและเล็บที่งอกใหม่ออกมาทุกวัน ในขณะที่การฉีดจะเสริมคอลลาเจนได้เฉพาะที่เท่านั้น

    No comments:

    Post a Comment