- ชะลอกระบวนการชรา
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
- ลดความเสียงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคเส้นโลหิตในสมองตีบ
- ลดความเสียงของการเกิดมะเร็งทุกชนิด
- ช่วยชะลออาการของโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกต่างๆ
- ช่วยร่างกายขับสารพิษก่อมะเร็ง
- ปกป้องดวงตาของคุณจากโรคศูนย์กลางจอประสาทเสื่อม
- ช่วยร่างกายต่อสู่กับความเสื่อมที่เกิดจากการสูบบุหรี่
- ช่วยป้องกันเรื่องปอดเรื้อรังต่าง เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ
- เป็นเกราะป้องกันมลพิษจากสิ่งแวดล้อม
บทบาทของสารต้านอนุมูลอิสระ
ทำไมการที่สารต้าน อนุมูลอิสระสามารถป้องกันหรือกำจัดอนุมูลอิสระได้จึงมีความสำคัญ มีงานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลายโรคโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่ สัมพันธ์กับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคสมอง (เช่น อัลไซเมอร์) เป็นต้น รวมทั้งช่วยชะลอกระบวนการบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดความแก่โดยปกติร่างกาย สามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตราย แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระได้ ๒ ทาง คือ- ลดการสร้างอนุมูลอิสระในร่างกาย
- ลดอันตรายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระพอเพียง กับความต้องการ เราควรกินผักผลไม้สีเข้มเป็นประจำโดยล้างให้สะอาดทุกครั้ง นอกจากจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังจะได้รับใยอาหารด้วย ร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับใยอาหารเช่นกัน เนื่องจากใยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ช่วยป้องกัน อาการท้องผูก ช่วยนำโคเลสเตอรอลออกจากร่างกาย เร่งการนำสารพิษที่อาจทำให้เป็นมะเร็งบางชนิดออกจากร่างกายเร็วขึ้น สุดท้ายผู้เขียนขอแนะนำข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย ดังนี้
ข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง เช่น (เต้าหู้หลอด เต้าหู้แผ่น) และธัญพืชเป็นประจำ
- ลด การกินไขมัน อย่าให้เกิน ร้อยละ ๓๐ ของพลังงานที่ได้รับต่อวัน ลดไขมันจากสัตว์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปที่มีกรดไขมันกลุ่มทรานส์แฟตตีแอซิด (trans fatty acid) เช่น มาร์การีน เนยขาว โดนัต มันฝรั่งทอด เลือกใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (monounsaturated fatty acid) สูง เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันงา น้ำมันมะกอก
- กินอาหารให้หลากหลาย กินปลา ถั่วเมล็ดแห้ง เต้าหู้ ลดปริมาณเนื้อแดงที่บริโภคลง
- ลดอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง ไม่ควรกินเกินวันละ ๓๐๐ มิลลิกรัม
- เพิ่มการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าว ธัญพืช มันฝรั่ง
- ลดอาหารเค็ม ดื่มน้ำสะอาดวันละ ๑-๒ ลิตร
- ดื่มนมพร่องไขมัน
- รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
- ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- งดสูบบุหรี่และลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุรา เบียร์ ไวน์
*** อย่าลืม ออกกำลังกายทุกวันโดยไม่หักโหม