Thursday 21 April 2011

วิตามิน E

 วิตามินอี จะมีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลืองและละลายได้ดีในไขมันเป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายต้องการหากขาดอาจทำเกิดภาวะผิดปกติต่อขบวนการปฏิกิริยาต่างๆในร่างกายเราพบว่าเมื่อร่างกายได้รับวิตามินอีไปพร้อมกับอาหารวิตามิน อีจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายยังผนังลำไส้เล็กไปพร้อมกับไขมันและพร้อมกับวิตามินที่ละลายในไขมันชนิดอื่น ๆ เช่นวิตามินเอ, วิตามินดีและวิตามินเคและปกติเมื่อร่างกายได้รับวิตามินอีเข้าไปแล้วจะเก็บสะสมไว้ใน ไขมันในร่างกาย แต่พบว่าในคนที่รับประทานกรดไขมันไม่อิ่มตัว (กรดไขมันไม่อิ่มตัว) หรือฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เช่นยาเม็ดคุมกำเนิด (ยาเม็ดคุมกำเนิด) จะมีผลทำให้วิตามินอีที่สะสมไว้ใช้ประโยชน์ในร่างกาย ถูกขับ (สูญสิ้น) ออกจากแหล่งสะสมไปจนอาจทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินอีได้

ทั่วไปข้อมูล

       วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในร่างกายร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้มีชื่อทางเคมีว่า Tocopherol เป็นพวกแอลกอฮอล์ไม่อิ่มตัวมีอยู่ในธรรมชาติ 7 ชนิดกัน ได้แก่ ด้วย -- alpha, beta -, Delta -, - Epsilon, OSTA, แกมมา - และ -- ซีตา Alphatocopherol เป็นตัวที่สำคัญที่สุดเนื่องจากมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีวิตามินอีเป็นวิตามินที่มีการค้นพบกันมานาน แต่วิตามินอีที่มีการศึกษาและพูดถึงกันมากคือ โทโคไตรอินอล (tocotrienols) ซึ่งเป็นวิตามินที่ได้จากน้ำมันปาล์มและมีบทบาทสำคัญคล้ายโทโคฟีรอลที่มีในน้ำมันพืชทั่วๆไป

คุณสมบัติ

       วิตามินอีที่บริสุทธิ์จะมีสีเหลืองอ่อนค่อนข้างเหนียวเหมือนน้ำมันสามารถละลายได้ในไขมันและตัวทำละลายไขมันทนความร้อนได้สูงถึง 200 องศาเซลเซียสทนต่อกรด แต่ถูกทำลายได้ง่ายในด่างแสงอัลตร้าไวโอเลต ออกซเดชั่นหรือในน้ำมันเหม็นหืน

ต่อร่างกายประโยชน์

       วิตามินอีจะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระโดยไปขัดขวางปฏิกิริยาออกซิเดชั่นของสารในร่างกายโดยอาศัยคุณสมบัติของมันเองที่เป็นตัวที่ไวต่อการถูกออกซิไดส์มากจึงเป็นตัวที่ถูกออก ซิไดส์เองแทนสารอื่น ๆ ในร่างกายที่มีความไวต่อการถูกออกซิไดส์ได้น้อยกว่าป้องกันไขมันไม่อิ่มตัวที่กินเข้าไปรวมกับออกซิเจนซึ่งจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระเป็นสารต้านไม่ให้หลอดเลือดแข็งตัวและยัง ขยายหลอดเลือดฝอยเล็ก ๆ ได้อีกด้วยทำให้การไหลเวียนดีขึ้นป้องการการเกาะตัวของเกร็ดเลือดที่ผนังหลอดเลือดจึงช่วยลดการอุดตันของคอเลสเตอรอลทั้งตัวมันเองยังมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลทำให้ร่างกายมีการนำพาออกซิเจนได้อย่าง สะดวกส่งผลให้ร่างกายใช้ออกซิเจนได้ดีขึ้นทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้มีการผลัดผิวหนังขึ้นมาใหม่ช่วยเพิ่มการทำงานของอินซูลินทำให้ระบบประสาทดีขึ้นสามารถทำงานได้ตามปกติช่วยทำให้ระบบสืบพันธ์ เป็นปกติรักษาอาการเป็นหมันได้ช่วยป้องกันการเกิดต้อกระจกได้และยังเชื่อว่าทำลายฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งได้ด้วย

วิตามินอีแหล่ง

       วิตามินอีมีมากในน้ำมันจากธัญพืชและถั่วประเภทเปลือกแข็งการเก็บรักษาให้วิตามินอีควรเก็บให้พ้นจากความร้อนแสงแดดรวมทั้งออกซิเจนในอากาศการขัดสีการบดจะทำให้พืชสูญเสียวิตามินอีไปจำนวนมากร่างกายคนเรา ต้องการวิตามินอีอยู่ที่วันละ 10-15 IU

แหล่งวิตามินในธรรมชาติจำนวนปริมาณสารอาหารได้รับที่

              น้ำมันเมล็ดฝ้ายน้ำหนัก 100 กรัม 40 IU
              น้ำมันดอกคำฝอยน้ำหนัก 100 กรัม 31.5 IU
              น้ำมันข้าวโพดน้ำหนัก 100 กรัม 19 IU
              น้ำมันถั่วเหลืองน้ำหนัก 100 กรัม 14.4 IU
              กะหล่ำปลีน้ำหนัก 100 กรัม 6.4 IU
              จมูกข้าวสาลี 1 ช้อนโต๊ะ 11-14 IU
              เมล็ดทานตะวันน้ำหนัก 100 กรัม 25 IU
              ถั่วเปลือกแข็งประเภทอัลมอนด์น้ำหนัก 100 กรัม 13.5 IU
              มันเทศน้ำหนัก 100 กรัม 6 IU
              เมล็ดมะม่วงหิมพานต์น้ำหนัก 100 กรัม 4.6 IU
              อะโวคาโด (เฉพาะเนื้อ) น้ำหนัก 100 กรัม 4.5 IU
              ปวยเล้งน้ำหนัก 100 กรัม 3 IU

อันตรายจากการวิตามินอีขาด

โรคหัวใจกำเริบวิตามินอีมีหน้าที่ในการจับสารที่เข้ามาทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายการขาดวิตามินอีทำให้สารเหล่านี้เข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมันในเลือดทำให้เนื้อเยื่อต่างๆเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้นนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งก่อให้ เกิดก้อนเลือดและที่สุดทำให้เกิดโรคหัวใจกำเริบได้ระบบประสาทมีปัญหาในกรณีของคนที่ร่างกายมีปัญหาในการดูดซึมไขมันและในเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดการได้รับวิตามินอีต่ำกว่าปริมาณที่กำหนดอาจทำให้เกิดความ เสียหาบต่อระบบประสาทและเป็นโรคโลหิตจางได้เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายถูกทำลาย

อันตรายจากการได้รับวิตามินมากเกินไป

พบว่าถ้าได้รับวิตามินอีวันล่ะ 300 มิลลิกรัมเป็นเวลาหลายเดือนจะส่งผลให้ปวดท้องคลื่นไส้อ่อนเพลียซึมสายตามัวถ้ามากกว่า 2,000 มิลลิกรัมขึ้นไปเป็นเวลา 3 เดือนจะเกิดอาการมุมปากและริมฝีปากอักเสบกล้ามเนื้อไม่มีกำลังได้ใน คนปกติไม่ควรเสริมวิตามินอีเพราะไม่มีหลักฐานแสดงถึงประโยชน์และในแต่ละวันการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ก็จะได้รับวิตามินอีเพียงพอต่อความของร่างกายต้องการดูดซึมการ

จะถูกดูดซึม

ที่ลำไส้เข้าไปในระบบน้ำเหลืองต่อไปสู่กระแสเลือดในรูปของไคโลไมคอลพบว่าการดูดซึมวิตามินอีต่ำ ๆ จะมีประสิทธิภาพดีกว่าวิตามินอีปริมาณสูง ๆ และส่งต่อไปเก็บสะสมที่ตับ นอกจากนี้ยังพบอยู่ตามเนื้อเยื่อไขมันหัวใจปอดและอยู่ในชั้นผิวหนังของอวัยวะนั้น ๆ มีการสะสมได้เป็นเวลานานมีการขับออกทางอุจจาระโดยผ่านที่ตับส่วนเมตาบอไลต์จะออกทางปัสสาวะ

เสื่อมสลายการ

การปรุงโดยใช้ความร้อนสูงหรือถูกแสงแดดการขัดสีการบดเพื่อทำแป้งและการกลั่นน้ำมันพืชรวมทั้งการแปรรูปที่มีความสลับซับซ้อนจะทำให้สูญเสียอีได้วิตามิน

ประเมินการ

สามารถประเมินหาปริมาณวิตามินอีในร่างกายได้ด้วยต่างๆต่อไปนี้วิธีการวัดปริมาณวิตามินอีในเลือดและวิธีประเมิ ณ สัดส่วนวิตามินอีต่อโคเลสเตอรอลในเลือดโดยคนปกติจะมีปริมาณวิตามินอีในซีรัมและพลาสม่า เท่ากับ 5-18 มิลลิกรัมต่อลิตร 


เรียบเรียงโดย : กรรณิการ์เอมแสง
ข้อมูลจาก : E - ห้องสมุด Eduzones

No comments:

Post a Comment