Thursday 21 April 2011

โปรพอลิส

Propolis คือ สารเหนียวคล้ายยางไม้มีสีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ ซึ่งผึ้งงานเก็บรวบรวมจากตาหรือเปลือกของต้นไม้ ผึ้งใช้โปรพอลิสอุดหน้าทางเข้ารังผึ้งลดขนาดรูเปิดรังให้มีขนาดพอดีเพื่อสะดวกในการดูแลป้องกันรังผึ้งจากศัตรูของผึ้งและใช้ในกิจกรรมภายในรังผึ้ง เช่น อุดรอยแตกภายในรังเคลือบรวงรังให้แข็งแรง เป็นต้น มนุษย์นำมาใช้ในทางการแพทย์นำมาสกัดสารที่ต่อต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เป็นส่วนประกอบในการทำยารักษาโรคมนุษย์และสัตว์ ใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ใช้ผสมเป็นยารักษาโรคทางหู คอ จมูก รักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น ส่วนผสมและสารสำคัญในโปรพอลิส

ด้วยสรรพคุณที่น่ามหัศจรรย์ของโปรพอลิสทำให้มีการวิเคราะห์หาส่วนผสมและสารสำคัญในโปรพอลิส ซึ่งผลจากการวิเคราะห์ปรากฎว่า โปรพอลิส ประกอบด้วย
  • ส่วนผสมของยางไม้และขี้ผึ้ง ประมาณร้อยละ 50-55 
  • ขี้ผึ้งเหลือง ร้อยละ 30 
  • น้ำมันหอม ร้อยละ 10-15 และ
  • ละอองเกสร ร้อยละ 5        
จากส่วนผสมดังกล่าว เมื่อพิจารณาในด้านสารประกอบทางเคมี จะพบสารสำคัญที่ทำให้โปรพอลิสมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะที่ดีที่สุดตามธรรมชาติ คือ สารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เป็นที่รู้จักว่ามีคุณสมบัติในการต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Antioxidant) ต่อต้านเชื้อแบคมีเรีย, เชื้อไวรัส, เชื้อรา และมีคุณสมบัติยับยั้งการอักเสบ       นอกจากนี้ยังพบสารอาหารอื่น ๆ อีกกว่า 22 ชนิด อันได้แก่ กรดอมิโน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามินต่าง ๆ, เกลือแร่ เอนไซม์ และสารต้นต่อฮาร์โมนจากธรรมชาติ ฯลฯ
         
สรรพคุณของโปรพอลิสทางการแพทย์

โปรพอลิสให้ผลทางการแพทย์ใน 2 ลักษณะ คือ กระตุ้นระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ซึ่งเป็นระบบอันเป็นกลไกธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ลักษณะที่สองคือออกฤทธิ์ฆ่าหรือทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย อาทิ เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อรา ตลอดจนเชื้อไวรัสต่าง ๆ อ่อนกำลังหรือไม่สามารถทำอันตรายมนุษย์ได้
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสมีผลโดยตรงต่อการกระตุ้นเซลส์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า ฟาโกไซด์ (Phagocyte) ให้มีความสามารถและประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ได้ดีขึ้น รวมทั้งป้องกันการสึกหรอเสื่อมโทรมและชำรุดเสียหายของเซลส์ ตลอดจนสามารถพัฒนาการดูดซึมอาหารที่มีประโยชน์บางชนิดได้ดีขึ้น จึงเป็นผลดีสำหรับแผลที่อยู่ระหว่างติดเชื้อ ทำให้มีการติดเชื้อลดลง รวมทั้งยังเป็นการป้องกันก่อนการติดเชื้ออีกด้วย
  • มีฤทธิ์กำจัดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา โปรพอลิสไม่เพียงช่วยป้องกันการติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังมีฤทธิ์ฆ่าหรือทำให้เชื้อโรคที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายไม่สามารถทำงานได้ ได้มีการทดลองพบว่าโปรพอลิสมีประสิทธิภาพต่อการหยุดยั้งการเจริญเติบโตหรือการทวีปริมาณของเชื้อวัณโรค และป้องกันไม่ให้มันแพร่พันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีฤทธิ์ต่อต้านและทำลายแบคทีเรียได้หลายชนิด รวมทั้งชนิดที่ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ (สเตร็ปโตค็อคคัส) พรอพอลิสมีประสิทธิภาพเป็นยาปฏิชีวนะเหนือกว่าเตทราไซคลีน (Tetracyclin) เพนนิซิลิน (Penicilin) และสเตร็ปโตมัยซิน (Streptomycin) ยาปฏิชีวนะทั้งสามชนิดนี้เป็นผลิตผลจากจุลินทรีย์ ในขณะที่ฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสเป็นผลิตผลจากต้นไม้   ซึ่งร่ายกายมนุษย์มีการตอบสนองต่อการบำบัดด้วยโปรพอลิสได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะ ซึ่งมักก่อให้เกิดผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย
  • เสริมฤทธิ์ยาปฏิชีวนะ นอกจากมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะโดยตัวมันเองแล้ว โปรพอลิสยังช่วยเสริมประสิทธิภาพยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพ 10-100 เท่าของประสิทธิภาพเดิม นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะชนิดที่เป็นขี้ผึ้ง หรือน้ำมันสมานแผลได้เป็นอย่างดี
  • เป็นสารต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น  สารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสมีคุณค่าสูงในการบำรุงรักษาหลอดโลหิตฝอยให้อยู่ในสภาพทีดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเสริมประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี ด้วยการป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกไซด์ เสริมประสิทธิภาพการทำงานในหลอดโลหิต ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเป็นสาเหตุให้ร่างกายเสื่อมโทรม แก่เร็ว เพราะกลุ่มอณุมูลอิสระในเซลส์จะถูกยึดไว้ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฟลาโวนอยด์ยังมีขีดความสามารถห่อหุ้มโลหะที่มีน้ำหนักอย่างตะกั่ว ปรอท และแคดเมี่ยม เพื่อป้องกันไม่ให้โลหะเหล่านี้ทำอันตรายแก่ร่างกายได้ รวมทั้งขับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อันเกิดจากการผลิตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดด้วย
  • ออกฤทธิ์ยับยั้งการผลิตพรอสตาแกลนดินส์ เมื่อร่างกายมีการติดเชื้อหรือมีบาดแผล ร่ายกายจะขับพรอสตาแกลนดินส์ (Prostagrandins) ออกจากต่อม ทำให้เกิดความเจ็บปวดบาดแผล แผลอักเสบ และเป็นไข้ตัวร้อน สารประกอบฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสมีฤทธิ์สกัดการผลิตพรอสตาแกลนดิสก์ในร่างกาย จึงช่วยบรรเทาอาการปวดในลักษณะคล้ายแอสไพริน แต่เป็นสารจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารชีวเคมีสังเคราะห์ จึงไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
  • ออกฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามิน หากร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้ามา อันเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ฮิสตามิน (Histamine) จะถูกขับออกจาก มาสต์เซลส์ (Mastcells) ทำให้เกิดอาการแพ้ ปวดบวม เป็นผื่นแดง หรือคันตามผิวหนัง อาการดังกล่าวจะลดลงถ้ามีสารบางอย่างมาสกัดกั้นการขับฮิสตามิน (แอนติฮิสตามิน : Anti-Histamine) ซึ่งพบว่าสารประกอบฟลาโวนอยด์ในพรอพอลิสมีฤทธิ์ยังยั้งการขับสารฮิสตามินของมาสต์เซลส์ได้ดี
ประโยชน์ของโปรพอลิส
  • บรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบของแผล
  • บรรเทาอาการบวม เป็นผื่นแดง และคันตามผิวหนังของโรคภูมิแพ้
  • บำบัดอาการเจ็บคอ และการอักเสบในลำคอ รวมทั้งอาการผิดปกติอื่น ๆ ในช่องปาก ช่องโพรงจมูกและช่องหู
  • บำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อ และอาการปวดตามข้อกระดูก รวมถึงอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวอื่น ๆ
  • บำบัดรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน ลดการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อ และช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผิวเนื้อส่วนที่ได้รับความร้อน
  • บำบัดอาการช่องท้องและลำไส้เป็นแผล
  • บำบัดอาการโรคผิวหนังได้หลายชนิด รวมทั้งสิว อาการผื่นคันตามเนื้อตัว โรคหัด โรคเริม หูด    
โปรพอลิสมีประโยชน์ด้านไหนบ้าง?
1.ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง

พบว่าสารสกัดอีธานอลในโปรพอลิส เปลี่ยนโครงสร้างเซลล์มะเร็งในตับและมดลูก ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งรังไข่หนูแฮมเตอร์ ช่วยยับยั้งเนื้องอก ช่วยยับยั้งมะเร็งทรวงอก ช่วยยับยั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยยับยั้งมะเร็งที่ไต ช่วยยับยั้งมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ช่วยยับยั้งมะเร็งที่ปอด

2.ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

สารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่มากในโปรพอลิส เป็นสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ มีฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระป้องกันวิตามินซีไม่ให้ถูกทำลาย ป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายก่อนเวลาอันควร ป้องกันความเสียหายของเซลล์ตับ

3.ช่วยรักษาบาดแผลและช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

สารอาร์จีนีน (กรดอะมิโน) ในโปรพอลิส ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ ช่วยกระบวนการเมทาบอลิซึม การสร้างคลอลาเจน การรักษาแผลไฟไหม้

โปรพอลิสสนอกจากจะช่วยรักษาบาดแผล ยังช่วยลดอาการติดเชื้อ เชื้อแบคทีเรียกว่า 50 % ถูกทำลายหมดภายใน 4 วัน และไม่ทำให้เชื้อดื้อยา เหมือนยาปฏิชีวนะสังเคราะห์ พบว่าเมื่อใช้เป็นประจำ สามารถรักษาบาดแผล แผลไฟไหม้ แผลพุพองได้ผลถึง 80 %

การทดลองกับคนไข้อีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 229 รายมีบาดแผลจากของมีคม แผลไฟไหม้ แผลติดเชื้อ และแผลพุพอง พบว่าสามารถรักษาบาดแผล และแผลไฟไหม้ได้ภายใน 11 วัน แผลติดเชื้อได้ภายใน 17.5 วัน และแผลพุพองได้ภายใน 38 วัน

4.ลดการติดเชื้อบริเวณหู

คนไข้ 126 รายมีอาการหูอักเสบเรื้อรังและเยื่อแก้วหูทะลุหลังจากได้รับการรักษาด้วยโปรพอลิสได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

5. ลดการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง

โปรพอลิส มีสารฟลาโวนอยด์ และสารคาเฟอิค ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของยีสต์และเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคบริเวณผิวหนังเช่น กลาก เชื้อราที่เท้า

6. ลดการอักเสบ

การศึกษาในหนูพบว่า สารฟลาโวนอยด์และสารคาเฟอิคที่สกัดจากโปรพอลิส ช่วยลดการอักเสบ คล้ายกับผลของอินโดเมธาซินซึ่งเป็นยาที่นิยมให้ลดอาการอักเสบ

การทดลองฉีดสารละลายโปรพอลิสกับคนไข้ 22 รายที่มีอาการข้อต่อสะโพกอักเสบพบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การทดลองกับคนไข้อีกกลุ่มจำนวน 90 ราย ที่มีอาการช่องคลอดและคอมดลูกอักเสบ พบว่าโปรพอลิสช่วยให้คนไข้กว่า 50 % มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเช่นกัน

7. สรรพคุณด้านยาชา

สารไพโนแซมบริน สารไพโนสโตบิน กรดคาเฟอิค และเอสเตอร์ซึ่งเป็นสารประกอบในโปรพอลิสมีคุณสมบัติด้านยาชา เมื่อศึกษาลึกลงไปพบว่าออกฤทธิ์มากกว่าโคเคน 3 เท่า จึงอธิบายได้ว่าทำไมมนุษย์จึงใช้ โปรพอลิสรักษาอาการเจ็บคอและแผลในช่องปากมานานหลายศตวรรษ ไขผึ้งจาก โปรพอลิสที่ใช้ในวงการทันตกรรมได้รับสิทธิบัตรในทวีปยุโรป

8. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

นักวิจัยชาวญี่ปุ่นสกัดสารจากโปรพอลิสเพื่อแสดงให้เห็นคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย การศึกษาร่วมกันระหว่างประเทศอเมริกา และประเทศโปรแลนด์พบว่าโปรพอลิสมีสารแอนตี้บอดี้มากกว่าที่ผลิตจากม้ามของหนู 3 เท่า ค้นพบเพิ่มเติมว่าโปรพอลิสสามารถช่วยยับยั้งเชื้อเอชไอวี-1 ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

9. ช่วยหัวใจและหลอดเลือด

สารสกัดที่เข้มข้นจากโปรพอลิส ช่วยลดความดันโลหิต ให้ผลในการระงับและรักษาระดับกลูโคสในน้ำเหลือง สารดีโฮโดรฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ช่วยลดไขมัน ช่วยป้องกันตับจากแอลกอฮอล์ เตตระคลอไรด์

10. ช่วยเรื่องช่องปาก

การทดลองในหนู พบว่าโปรพอลิสช่วยให้อาการฟันผุลดน้อยลงอย่างน่าพอใจ ช่วยลดการติดเชื้อของเหงือก ช่วยลดคราบหินปูน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต ของเชื้อแบคทีเรียในช่องปากผสมโปรพอลิสกับน้ำอัตราส่วน 1 : 5 ทำเป็นน้ำยาบ้วนปาก ช่วยรักษาอาการเหงือกอักเสบ และเยื่อหุ้มฟันอักเสบ สามารถใช้อุดคลองรากฟันเนื่องจากมีคุณสมบัติสร้างกระดูกและเป็นยาชา

11. การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ

การทดลองกับคนงานเหมืองเหล็กที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบจำนวน 260 ราย เป็นเวลา 24 วัน พบว่าการใข้สารสกัดอีธานอลละลายน้ำเกลือร่วมกับการสูดดมสารดังกล่าว ช่วยให้คนไข้มีอาการดีขึ้นอย่างหน้าพอใจ

โปรพอลิสยังช่วยรักษาอาการคออักเสบ อาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการโพรงจมูกอักเสบ อาการคอหอย และกล่องเสียงอักเสบ อาการเยื่อเมือกจมูกอักเสบ

12. ช่วยลดการติดเชื้อจากไวรัส

การทดลองใช้โปรพอลิสในผู้ป่วยไข้หวัด พบว่าไข้หวัดจะหายขาดภายใน 3 วัน เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้ใช้โปรพอลิส ไข้หวัดจะหายขาดภายใน 5 วัน

13. ช่วยเรื่องกระเพาะและลำไส้

สารฟลาโวนอยด์ในโปรพอลิสช่วยยับยั้งการสร้างเซลล์มะเร็งในกระเพาะของหนู การทดลองกับคนไข้ 138 รายที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะและลำไส้ ด้วยสารสกัดจากโปรพอลิสเข้มข้น 10 % ในเด็ก และเข้มข้น 30 % ในผู้ใหญ่ พบว่า 52 % ของคนไข้หายขาด แพทย์ในประเทศเดนมาร์กใช้ โปรพอลิสรักษาอาการลำไส้ใหญ่อักเสบ พบว่าคนไข้มีพัฒนาการดีขึ้น

14. ช่วยการทำงานของ NK cell

การศึกษาพบว่าโปรพอลิส ช่วยกระตุ้นการทำงานของ NK cell ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวประเภทหนึ่ง DR. M. GORNHAM ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา ทำการทดลองเปรียบเทียบ NK cell ในหนูพบว่าหนูที่ได้รับโปรพอลิสมีความสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าหนูปกติถึง 2 เท่า

เมื่อนำมาทดสอบในคน พบว่า NK cell จะทำงานได้มากกว่าปกติ 4 เท่า ยิ่งใช้โปรพอลิส ความเข้มข้นมาก ยิ่งฆ่าเซลล์มะเร็งได้มาก สถาบันวิจัยในญี่ปุ่นเป็นผู้นำการศึกษาในเรื่องดังกล่าวมีผลงานวิจัยเผยแพร่ต่อสาธารณชนมากมาย

NK cell (Natural Killer cell) เป็นหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุดของร่างกาย พบได้ในสัตว์ทุกชนิดรวมถึงมนุษย์ NK cell จะใช้กระสุน (Granules) ในการจัดการกับเซลล์แปลกปลอม รวมไปถึงเซลล์มะเร็ง แต่หากเซลล์มะเร็งแข็งแรงกว่า มันจะย้อนกลับไปทำลาย NK cell แทน

15. ช่วยลดภาวะดื้อยา

เชื้อโรคดื้อยาเนื่องมาจากการใช้ยาซึ่งเป็นสารปฏิชีวนะสังเคราะห์เป็นประจำ เชื้อโรคจะปรับตัวและสร้างเชื้อโรคที่ต่อต้าน เพื่อป้องกันการต่อสู้กับการทำลายล้าง โปรพอลิสได้ได้ทำลายเชื้อโรคแต่จะควบคุมเชื้อโรคไว้ไม่ให้ทำงาน

16. ช่วยกำจัดสารพิษออกจากเลือด

บางคนมีเลือดแดงเข้ม บางคนมีเลือดแดงใน กลุ่มที่มีเลือดแดงเข้มเสี่ยงต่อการเป็นโรคไฮเปลิเดเมีย (ภาวะมีไขมันและกรดแลคติกมาก) สารฟลาโวนอยด์จะช่วยกระตุ้นการแตกตัวของไขมัน เซลล์เม็ดเลือดแดงจะรวมตัวกับออกซิเจนได้มากจึงทำให้เลือดใสไหลเวียนในร่างกายได้ดี สำหรับผู้ที่มีอาการปวดก่อนมีประจำเดือน หรือมีประจำเดือนมาผิดปกติ รับประทานโปรพอลิสประมาณ 2 เดือน อาการดังกล่าวจะดีขึ้น

No comments:

Post a Comment