Saturday 26 March 2011

ข้อควรระวังในการใช้ยาลด คลอเลสเตอรอล

เมื่อไม่นานนี้เองได้มีการ ประกาศแนวทางใหม่ในการดูแลรักษาระดับของ คลอเลสเตอรอล ในร่างกาย โดยสถาบันใหญ่ของสหรัฐอเมริกา และได้ตีพิพม์ลงในวารสาร The American Heart Association แล้วแนวทางใหม่นั้นเป็นอย่างไร

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเจ้า คลอเลสเตอรอล ชนิด LDL ที่เป็นชนิดที่ไม่ดีควรจะมีระดับไม่เกิน 100 mg/dL แต่สำหรับมาตรฐานใหม่ควรจะมีระดับไม่เกิน 70 mg/dL เท่านั้น ดังนั้นหากเราหากคุณหมอทั้งหลายทำตามมาตรฐานใหม่นี้ย่อมส่งผลต่อยอดขายของยาควบคุมระดับไขมันซึ่งเป็นยากลุ่ม Statin Drugs ทำให้มียอดขายสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่ก็ส่งผลดีต่อผู้ป่วย 30 บาทรักษาทุกโรคเช่นกันที่จะทำให้เพิ่มโอกาสในการได้รับยาเพิ่มมากขึ้น

เมื่อมีประโยชน์ก็ย่อมจะมีโทษเช่นกัน ยากลุ่ม Statin Drugs ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการควบคุมระดับไขมัน คลอเลสเตอรอล ที่ไม่ดี ทำให้ช่วยชีวิตผู้ป่วยได้หลายล้านคนทั่วโลก แต่ในทางกลับกันก็พบว่ามันอาจจะมีผลเสียต่อร่างกายตามมา ทั้งนี้เราเริ่มได้รับรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับยากลุ่มดังกล่าว เมื่อผู้ป่วยใช้ยากลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้อาการไม่พึงประสงค์นั้นบางอย่างเราก็เพิ่งจะทราบ แต่ยังมีอีกบางอย่างที่เรายังไม่ทราบเพราะยังไม่มีการรายงานออกมาหรือยังไม่พบ อย่างเช่นเมื่อไม่นานมานี้เอง ได้มีรายงานเกี่ยวกับยากลุ่มดังกล่าวได้ไปยับยั้งการสร้างสารตัวหนึ่งที่สำคัญมากต่อร่างกาย ที่เรารู้จักกันดีในนาม coenzyme Q10 (CoQ10) เจ้า CoQ10 มีความสำคัญมากในขบวนการต่างๆ ของร่างกาย เช่นขบวนการหายใจ และขบวนการสร้างพลังงานของ Mitochondria ในเซลต่างๆ เช่น หัวใจ สมอง ระบบประสาท กล้ามเนื้อ ฯลฯ หากเจ้า Mitochondria ทำงานผิดปกติ หรือตายไป สามารถส่งผลให้หัวใจทำงานผิดปกติ หรือเกิดอาการหัวใจล้มเหลวได้ โรคพาณ์กินสัน อัลไซเมอร์ ดังนั้นจึงมีหมอจำนวนหนึ่งเชื่อว่าสาเหตุที่อาการหัวใจล้มเหลวเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันอาจจะมาจากการใช้ยากลุ่ม Statin Drugs

ได้มีคุณหมอแผนกประสาทวิทยา ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลกในด้านประสาทวิทยา ทำการศึกษาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวและได้รายงานเรื่องราวดังกล่าวในวารสาร The Journal Archives of Neurology เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2004 พบว่ายา atorvastatin ซึ่งเป็นยากลุ่ม Statin Drugs มีผลต่อ Co-Q10 ในร่างกาย การศึกษานี้กระทำโดยใช้ผู้ป่วย 34 คนที่มีอายุเกินกว่า 45 ปีขึ้นไปที่ได้รับยา atorvastatin โดยก่อนที่จะได้รับยาดังกล่าวจะทำการวัดระดับ Co-Q10 ไว้ก่อน จากนั้นก็ให้ผู้ป่วยได้รับยา atorvastatin จำนวน 80 มิลลิกรัมต่อวัน

14 วันหลังจากที่ได้รับยา atorvastatin พบว่า ผู้ป่วย 32 คนมีระดับของปริมาณ Co-Q10 ในกระแสเลือดลดลงถึง 49% และเมื่อครบ 30 วัน ระดับของปริมาณ Co-Q10 ในกระแสเลือดก็ลดลงมากขึ้นไปอีก จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายา atorvastatin มีผลอย่างชัดเจนต่อระดับปริมาณ Co-Q10 ในกระแสเลือด ทั้งนี้ผู้ป่วยบางคนลดลงถึง 60% ทีเดียว การศึกษาดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาในระยะที่สั้นมาก อีกทั้งไม่มีการรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง แต่ก็มีผู้ป้วยคนหนึ่งที่ได้รายงานว่ามีอาการเจ็บแปลบๆ ที่ขา ซึ่งเมื่อลดปริมาณยาลงครึ่งหนึ่งอาการก็หายไป

การศึกษานี้ได้สรุปผลออกมาว่าถึงแม้จะได้รับยา atorvastatin ในช่วงสั้นๆ ก็มีผลต่อการลดลงของระดับปริมาณ Co-Q10 ในกระแสเลือด และยังชี้ให้เห็นอีกว่าอาการที่บ่งชี้ว่า Co-Q10 มีการถูกยับยั้งการสร้างอย่างกว้างขวางสามารถอธิบายได้ด้วยเนื่องมาจากการใช้อย่างแพร่หลายของยากลุ่ม Statin drugs เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ (myalgia), พบโปรตีนของกล้ามเนื้อในปัสสาวะ myoglobinuria ทังนี้ ยาตัวอื่นในกลุ่ม Statin drugs ก็มีผลเช่นกัน เช่น ยา Cerivastatin ก็มีผลอย่างรุนแรงในการยับยั้งการสร้าง Co-Q10 และได้ถูกห้ามใช้ไปแล้วเนื่องจากมีอาการไม่พึงประสงค์มากมายรวมทั้งมีทำให้มีคนเสียชีวิต

บางคนถือว่าเจ้า Co-Q10 เป็นสารอาหารมหัศจรรย์ อย่างที่ได้บอกในตอนต้นว่า มันเป็นสารที่จำเป็นต่อการสร้างพลังงานในเซลต่างๆ หากขาด Co-Q10 แล้วก็จะทำให้เซลไม่สามารถทำงานหรือตายได้ โดยเฉลี่ยแล้วอาหารที่รับประทานต่อวันจะได้รับ Co-Q10 เพียง ๅ มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งไม่เพียงพออย่างมากสำหรับคนทั่วๆ ไป สาร Co-Q10 เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย มันเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดียิ่งขึ้น มีการศึกษามากมายที่มีในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทาน Co-Q10 ทดแทนช่วยลดการเกิดอาการปวดอย่างรุนแรงใน โรคหัวใจ (Angina) ทำให้หัวใจในผู้ป่วย โรคหัวใจ มีการทำงานดีขึ้น และลดอาการของ โรคหัวใจ และการเสียชีวิตลง นอกจากนี้ CoQ10 ยังพบว่ามีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธ์ การทำงานของไต เคยมีรายงานพบผู้ป่วยที่มีอาการไตวายระยะสุดท้ายมีอาการดีขึ้นเมื่อได้รับ Co-Q10 นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาทส่วนกลางอีกด้วย โดยมีรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่าผู้ป่วยที่มีอาการปวดไมเกรนที่รับประทาน Co-Q10 มีอาการดีขึ้น และจากประโยชน์ของเจ้า Co-Q10 นี้เองทำให้บางประเทศไม่ยอมให้ Co-Q10 เป็นอาหาร และกำหนดให้ Co-Q10 เป็นยารักษาโรค

ในผู้ป่วยที่หมอจ่ายยากลุ่ม Statin drugs ให้รับประทานเราแนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะขอให้แพทย์สั่ง Co-Q10 เพิ่มในใบสั่งยา ทั้งนี้รวมทั้งผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับ โรคหัวใจ พาร์กินสัน

No comments:

Post a Comment